หลวงพระบาง

เยือนถิ่นมรดกโลก สัมผัสมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติและวัฒนธรรม ณ หลวงพระบาง

หลวงพระบาง สปป.ลาว

สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ สปป.ลาว คือ ประเทศที่เหมาะสำหรับคนที่อยากจะพาแฟนออกเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านด้วยกันเป็นครั้งแรก เพราะด้วยภาษาที่ไม่ต่างกันมากนัก จึงทำให้สามารถสื่อสารกันได้ไม่ยาก ผู้คนมีจิตใจดี มีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะเมืองมรดกโลกอย่าง หลวงพระบาง เมืองที่กาลเวลาเดินไปอย่างช้าๆ เมืองที่มีเสน่ห์ดึงดูดให้ออกไปค้นหา เมืองโรแมนติกที่เหมาะกับการพาแฟนไปเยือนดูสักครั้งในชีวิต

DAY 1

พวกเราเริ่มต้นออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ด้วยสายการบิน AirAsia เที่ยวบินที่ FD 1030 เวลา 14.30 น. ถึงหลวงพระบางเวลา 16.00 น. ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง

การเดินทาง หลวงพระบาง

ตอนนี้การเดินทางออกนอกประเทศของคนไทยไม่ต้องเขียนใบตม. แล้ว เขียนแค่ของประเทศปลายทางเท่านั้น ซึ่งพนักงานต้อนรับจะนำใบตม.ของประเทศลาวมาแจกให้ระหว่างอยู่บนเครื่อง

การเดินทาง หลวงพระบาง

สนามบินหลวงพระบาง

ไม่นานพวกเราก็เดินทางมาถึงสนามบินหลวงพระบาง วันนี้อากาศดีมาก เครื่องลงจอดได้อย่างนุ่มนวล

การเดินทาง หลวงพระบาง

สนามบินหลวงพระบางเป็นสนามบินที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก รายล้อมไปด้วยภูเขาสลับซับซ้อน

การเดินทาง หลวงพระบาง

หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็หาซื้อซิมมือถือไว้ใช้เล่นอินเตอร์เน็ต ตรงประตูทางออกมาให้เลือกอยู่หลายยี่ห้อ ราคาพอๆกัน จึงเลือกร้านที่คนน้อย ยี่ห้อ Unitel มีให้เลือกหลาย Package ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ไป พวกเราไป 4 วัน จึงเลือกแบบ 4 วัน เน็ต 4 GB ราคา 200 บาท เป็นอินเตอร์เน็ตความเร็ว 4G สัญญาณและความเร็วโอเคมาก

การเดินทาง หลวงพระบาง

จานนั้นก็แลกเงิน สามารถนำเงินไทยมาแลกได้เลย เรทอยู่ที่ 253.70 กีบ/ 1 บาท เรทดีกว่าข้างนอก (แถวในเมืองเรทอยู่ที่ 250 กีบ/ 1 บาท) พวกเราแลกไป 4,000 บาท ได้มาประมาณ 1,014,800 กีบ คนรับแลกใจดีปัดขึ้นให้เป็น 1,015,000 กีบ ได้ถือเงินหลักล้านเป็นครั้งแรกในชีวิต

แลกเงิน หลวงพระบาง

คืนแรกพวกเราพักกันที่โรงแรม Sofitel Luang Prabang จึงเลือกใช้บริการรถรับส่งสนามบินของโรงแรม ราคาไป-กลับอยู่ที่ 25USD/คัน (850 บาท) ไปสองคนตกคนละ 425 บาท (รถตู้สนามบินไป-กลับ 400/คน)

การเดินทาง หลวงพระบาง

เป็นรถ CR-V นั่งได้ 3 คน พอขึ้นรถพี่คนขับก็ยื่นผ้าเย็นมาให้เช็ดหน้าเช็ดตัว พร้อมน้ำเย็นๆ และขนมทานเล่นรองท้อง 2 อย่างวางอยู่ในกระติ๊บ บราวนี่อร่อยมาก หยิบกินจนอิ่มเลย

การเดินทาง หลวงพระบาง

Sofitel Luang Prabang

ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีก็มาถึงโรงแรม

Sofitel Luang Prabang

พนักงานวิ่งมาเปิดประตูให้และตีฆ้องต้อนรับ รู้สึกเหมือนเป็นเซเลบยังไงยังงั้น

Sofitel Luang Prabang

พนักงานเข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเอง และเสิร์ฟ Welcome Drink ผ้าเย็น ดอกไม้ไหว้พระ พร้อมกับพาไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธ์ของโรงแรม พี่ๆพนักงานหลายท่านเป็นคนไทย คอยดูแลและช่วยเหลือพวกเราเป็นอย่างดี พี่ๆคนลาวก็เช่นกัน

Sofitel Luang Prabang

ก่อนเข้าห้องพักมีพนักงานมาดักรอทำสปาเท้าให้เล็กน้อย ด้วยน้ำอุ่นและขัดเท้าด้วยมะขามเปียก

ที่พัก หลวงพระบาง

ห้องพักในคืนนี้เป็นแบบ Garden Suite มีเตียงมุ้งขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางห้อง

Sofitel Luang Prabang

พร้อมอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ 2 อ่าง อ่างแรกอยู่ภายในห้อง สามารถลงไปแช่ได้สองคนพร้อมกัน

ที่พัก หลวงพระบาง

และอีกหนึ่งอ่างอยู่ด้านนอก ซึ่งเป็นสวนเล็กๆส่วนตัว

ที่พัก หลวงพระบาง

ภายในห้องตกแต่งได้อย่างเรียบหรู พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน

Sofitel Luang Prabang

ถนนคนเดิน หรือ ตลาดมืด

พอตกเย็นพวกเราจึงออกไปหาข้าวเย็นทานกันแถวถนนคนเดิน (คนลาวเรียกว่า ตลาดมืด) โดยใช้รถรับส่งฟรีของโรงแรม ไปลงตรงปากทางถนนคนเดิน ซึ่งมีร้านอาหารให้เลือกอยู่หลายร้าน พวกเราเลือกทานที่ร้านดอกไม้ลาว เพราะบรรยากาศน่านั่งดี

ถนนคนเดิน หลวงพระบาง

เมนูอาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารจีน พวกเราสั่งมา 2 อย่างทานกับข้าวเปล่า รสชาติอร่อยถูกปากคนไทยอย่างแน่นอน

ถนนคนเดิน หลวงพระบาง

ทานอิ่มก็ออกมาเดินเล่นถนนคนเดิน มาเลือกซื้อผ้านุ่งเพื่อใส่ไปวัดในวันพรุ่งนี้ ตัวนี้ต่อแล้วเหลือ 300 บาท สามารถจ่ายเป็นเงินไทยได้ แม่ค้าชอบ และส่วนใหญ่จะบอกราคาเป็นบาททันทีเมื่อรู้ว่าเราเป็นคนไทย แต่ก็จ่ายเป็นกีบได้ ลองเปรียบเทียบกันดูอีกที จำง่ายๆคือ 5,000 กีบ = 20 บาท

ถนนคนเดิน หลวงพระบาง

เดินเล่นและชอปปิ้งจนเหนื่อย จึงมาขึ้นรถที่หน้าโรงแรม 3 Nagas เพื่อกลับมาที่โรงแรม Sofitel แล้วนอนแช่น้ำอุ่นฟังเพลงอยู่ในห้อง ฟินมากๆ

ที่พัก หลวงพระบาง
Sofitel Luang Prabang

DAY 2

วันต่อมาพวกเราใช้เวลาในช่วงเช้าพักผ่อนอย่างเต็มที่อยู่ที่โรงแรม เริ่มด้วยอาหารเช้าที่ห้องอาหาร Governor’s Grill

ที่พัก หลวงพระบาง

มีอาหารให้เลือกแบบ A La Carte พร้อมเครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็น

ที่พัก หลวงพระบาง

เมนู Signature ที่ต้องลองคือ ข้าวซอยลาว เส้นนุ่มๆ น้ำซุปรสชาติเข้มข้น และอีกเมนูที่อร่อยไม่แพ้กันก็คือ แหนมข้าว แผ่นแป้งบางๆห่อหมูสับทรงเครื่อง

ที่พัก หลวงพระบาง

ทานเสร็จก็เดินเล่นสำรวจรอบๆโรงแรมเล็กน้อย ผังห้องพักจะเป็นลักษณะตัวยู ตรงกลางเป็นสวนและสระน้ำ ด้านนี้คืออาคารห้องพักแบบ Garden ภายนอกดูคลาสสิก ภายในตกแต่งได้อย่างเรียบหรู

ที่พัก หลวงพระบาง

มีกระต่ายน้อยวิ่งเล่นไปมาอยู่ในสวนอย่างอิสระ น่ารักมากๆ

ที่พัก หลวงพระบาง

มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่สีเขียวมรกต พร้อมเก้าอี้นอนอาบแดด

Sofitel Luang Prabang
ที่พัก หลวงพระบาง
Sofitel Luang Prabang

เป็นโรงแรมที่เงียบสงบและบรรยากาศดีมากๆ เหมาะแก่การมาพักผ่อนอย่างแท้จริง

ที่พัก หลวงพระบาง

3 Nagas

ช่วงบ่ายพวกเราย้ายไปนอนที่โรมแรม 3 Nagas ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือของ Sofitel อีก 2 คืน ตัวโรงแรมตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆอย่างวัดเชียงทอง พระราชวังหลวงพระบาง หรือพระธาตุพูสี

ที่พัก หลวงพระบาง

ห้องที่พวกเราพักเป็นแบบ Deluxe ภายในห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ มีเตียงมุ้งตั้งอยู่ที่มุมของห้อง และมีพื้นที่นั่งเล่นอยู่ตรงกลางของห้อง

3 Nagas

เตียงนอนและหมอนนุ่มมาก รู้สึกเหมือนกำลังนอนอยู่บนกองนุ่น

ที่พัก หลวงพระบาง

ห้องนี้คือห้องหมายเลข 12 ชื่อว่า Louis Delaporte French Explorer เป็นห้องหัวมุม มีหน้าต่างด้านข้าง 3 บาน ช่วยเพิ่มแสงสว่างในเวลากลางวัน ทำให้รู้สึกโล่งสบาย

3 Nagas

ห้องน้ำถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ และส้วม

ที่พัก หลวงพระบาง

อ่างอาบน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก แช่ได้แค่คนเดียว มีฝักบัวอาบน้ำอยู่ด้านบน ครีมอาบน้ำหอมมากจนอยากจะขอเอากลับมาใช้ที่บ้าน

ที่พัก หลวงพระบาง
ที่พัก หลวงพระบาง

ตัวอาคารเป็นโครงสร้างปูนผสมไม้แบบดั้งเดิม ที่มีความคลาสสิก กลมกลืนไปกับบรรยากาศโดยรอบ

ที่พัก หลวงพระบาง

ร้านส้มตำป้าติ๋ม

สำหรับครึ่งบ่ายของวันที่ 2 พวกเราตั้งใจเที่ยววัดที่ตั้งอยู่ในเขตตัวเมืองเก่า ซึ่งแต่ละที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก โดยยืมจักรยานของโรงแรมมาเป็นยานพาหนะในการเดินทาง แต่ก่อนอื่นขอเติมพลังด้วยน้ำปลาร้าของร้านส้มตำป้าติ๋ม หน้าวัดหนองสิคูนเมือง (Wat Nong Sikhounmuang) ถนนคูนเสา (Kounxoua) ใกล้กับโรงแรม 3 Nagas

ส้มตำหลวงพระบาง

มีเมนูให้เลือกทั้งหมด 8 อย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นของทอดหรือย่าง

ส้มตำหลวงพระบาง

ไฮไลท์ของร้านนี้ก็คือ ส้มตำหลวงพระบาง ที่มีน้ำปลาร้ารสชาติเข้มข้น และเส้นมะละกอที่ฝานเป็นแผ่นบางกรอบ กินคู่กับข้าวเหนียวและซี่โครงแดดเดียวทอด แซ่บมากๆ ถึงขนาดต้องมาแวะซื้อไปกินที่สนามบินอีกรอบก่อนกลับ รวมแล้วมื้อนี้หมดไป 65,000 กีบ (260 บาท)

ส้มตำหลวงพระบาง

พระราชวังหลวงพระบาง

พอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนจึงกลับไปนอน เอ้ย ไม่ใช่!!! ไปเที่ยวต่อ สถานที่แรกคือ พระราชวังหลวงพระบาง ตั้งอยู่ตรงข้ามกับทางขึ้นพระธาตุพูสี เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร

ประวัติหลวงพระบาง

โดยเปิดให้เข้าชม 2 ช่วงเวลาคือ เช้า 8.00 น. – 11.30 น. และบ่าย 13.30 น. – 16.00 น. ปิดขายบัตรเข้าชมแต่ละช่วงก่อนเวลาปิด 30 นาที ค่าธรรมเนียมการเข้าชม 30,000 กีบ/คน (120 บาท)

พระราชวังหลวงพระบาง

เดิมพระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.2518 พระราชวังหลวงพระบางได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นหอพิพิธภัณฑ์ ด้านในจัดแสดงห้องฟังธรรม ของเจ้ามหาชีวิต ท้องพระโรงที่ประดับด้วยกระจกหลากสีบนพื้นหลังสีแดงสวยงามมาก ห้องพระบรรทม ฯลฯ พร้อมทั้งจัดแสดงของใช้ส่วนพระองค์ และของขวัญจากนานาประเทศ ซึ่งด้านในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป จึงต้องมาดูด้วยตาตัวเองเท่านั้น

ประวัติหลวงพระบาง

และบริเวณด้านหน้าของหอพิพิธภัณฑ์คือ หอพระบาง สถานที่ประดิษฐาน “พระบาง” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง หลวงพระบาง

ประวัติหลวงพระบาง

วัดใหม่สุวรรณภูมาราม

สถานที่ต่อมาคือ วัดใหม่สุวรรณภูมาราม หรือที่ชาวหลวงพระบางเรียกกันสั้นๆว่า “วัดใหม่” อยู่ใกล้กับพระราชวังหลวงพระบาง เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชบุญทัน ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์สุดท้ายของลาว และยังเคยเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบาง

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

กำแพงพระระเบียงด้านหน้าทำเป็นลายรดน้ำปิดทองเล่าเรื่องรามายณะและพระเวสสันดรชาดกสีทองอร่าม ด้านในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องที่มีพระพักตร์ที่งดงาม วันที่พวกเราไปมีงานบุญเลยไม่ได้เข้าไปสักการะด้านใน เปิดให้เข้าชมเวลา 07.00 – 18.00 น. ค่าเข้าชม 10,000 กีบ/คน (40 บาท)​

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

วัดเชียงทอง

วัดต่อมาถือว่าเป็นไฮไลท์ของการมาเยือนเมือง หลวงพระบาง ที่ทุกคนต้องไม่พลาด นั่นก็คือ วัดเชียงทอง เปิดให้เข้าชมเวลา 06.00 – 17.30 น. ค่าเข้าชม 20,000 กีบ/คน (80 บาท)​

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

วัดเชียงทอง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2102-2103 ในสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ถือว่าเป็นตัวแทนของศิลปะสกุลช่างล้านช้างที่งดงามและสมบูรณ์ที่สุด จนได้รับการยกย่องจากนักโบราณคดีว่าเป็นดั่งอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาว

วัดเชียงทอง

สิมของวัดหลังไม่ใหญ่มากนัก (พระอุโบสถ ภาษาลาวเรียกว่า สิม) หลังคาสิมมีหลังคาแอ่นโค้ง ลาดต่ำลงมาซ้อนกันอยู่สามชั้น ส่วนกลางของหลังคามีเครื่องยอดสีทอง ซึ่งชาวลาวเรียกว่า ช่อฟ้า ทั้งหมด 17 ช่อ คือข้อสังเกตุว่าเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์สร้าง ส่วนคนสามัญสร้างจะมีช่อฟ้า 1-7 ช่อเท่านั้น

วัดเชียงทอง

นอกจากความโดดเด่นของหลังคาและช่อฟ้าแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สะดุดตาจนต้องหยุดมองก็คือความงดงามของลวดลายลงรักปิดทองหรือที่ชาวลาวเรียกว่า “พอกคำ” บนผนังรอบสิมทั้งด้านนอกและด้านใน ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติและนิทานพื้นบ้าน

ที่เที่ยว หลวงพระบาง
ที่เที่ยว หลวงพระบาง

บริเวณผนังด้านหลังของสิม ประดับด้วย “ดอกดวง” หรือกระจกสีรูป “ต้นทอง” ท่ามกลางสัตว์หลากหลายชนิด ที่โดดเด่นที่สุดก็เห็นจะเป็นนกยูง 2 ตัวกำลังรำแพนหางอยู่ใต้ต้นทอง

วัดเชียงทอง

หลวงพระบางในอดีตคือเมืองเชียงทองที่เต็มไปด้วยต้นทองเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริเวณวัดเชียงทองก็เคยมีต้นทองยักษ์ขนาดหลายคนโอบอยู่

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

เมื่อเจ้าศรีสว่างวัฒนาทำการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดเชียงทอง จึงได้ให้ช่างทำลวดลายประดับดอกดวงเป็นรูปต้นทองไว้ที่ด้านหลังสิม เพื่อระลึกถึงต้นทองยักษ์ในอดีต

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

ภายในสิมประดิษฐานพระประธานซึ่งมีชื่อว่า “พระองค์หลวง”

วัดเชียงทอง

ด้านในประดับด้วยลวดลายลงรักปิดทองงดงามมาก

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจและโดดเด่นไม่แพ้กันก็คือวิหารหลังเล็กๆ 2 หลัง ที่อยู่ด้านหลังและด้านข้างของสิม ซึ่งประดับด้วยลวดลายดอกดวงบนผนังสีแดง บอกเล่าเรื่องราวนิทานพื้นบ้านชื่อดังของลาวเรื่อง “สีเสลียว เสียวสวาด” และภาพวิถีชีวิตของชาวหลวงพระบาง

วัดเชียงทอง

หลังแรกคือ หอพระม่าน สถานที่ประดิษฐาน “พระม่าน” หนึ่งในพระคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง ซึ่งจะเปิดเฉพาะช่วงวันสงกรานต์ เพื่ออัญเชิญพระม่านลงมาให้ประชาชนได้กราบไหว้และสรงน้ำพระ

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

และอีกหนึ่งหลังคือ “หอพระไสยาสน์” หรือ “วิหารแดง” ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่งดงาม และสามารถขึ้นไปสักการะด้านบนได้

วัดเชียงทอง
ที่เที่ยว หลวงพระบาง

หลังจากสักการะพระพุทธรูปปางไสยาสน์ด้านในเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพความงดงามของผนังลวดลายดอกดวงสีสันสดใสกลับไปเป็นที่ระลึก

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

และอีกหนึ่งจุดที่สะดุดตายามที่มีแสงแดดส่องลงมากระทบกับผนังสีเหลืองทองแกะสลักลวดลายที่สวยงาม นั้นก็คือ โรงเมี้ยนโกศ โรงเก็บราชรถที่เคยใช้ในการอัญเชิญพระโกศของพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์

วัดเชียงทอง

เมื่อเข้ามาด้านในก็จะพบกับราชรถแกะสลักไม้สีทองเหลืองอร่ามทั้งคันอยู่ตรงกลางห้อง โดยมีเศียรของพญานาค 5 เศียรยื่นออกมาจากด้านหน้าของราชรถดูน่าเกรงขาม

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

ปิดท้ายบรรยากาศของวัดเชียงทองด้วยภาพของน้องลิงตัวน้อยที่หลงมาจากไหนไม่รู้ ไม่เห็นมีลิงตัวอื่นอยู่แถวนี้เลย มาได้ไงเนี่ย

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

วัดสุวรรณคีรี

ระหว่างทางกลับโรงแรม สองฝั่งของถนนสักกะรินมีวัดน้อยใหญ่ที่ตั้งอยู่ติดๆกันอีกหลายวัดให้ได้แวะเข้าไปสักการะพระประธานในพระอุโบสถ วัดแรกอยู่ตรงข้ามกับวัดเชียงทอง คือ วัดสุวรรณคีรี

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

มีสิมหลังเล็กๆ ศิลปะแบบเชียงขวาง อยู่ตรงกลางของวัด

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

ช่วงที่แวะเข้าไปเย็นมากแล้ว มีพระและเณรกำลังทำวัดเย็นอยู่ จึงไม่ได้เข้าไปสักการะพระประธานที่ด้านใน

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

วัดศรีบุญเรือง

วัดต่อมาคือ วัดศรีบุญเรือง

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

สิมรูปทรงหลังคาแอ่นขนาดใหญ่ ศิลปะเชียงขวาง ที่มีสีหน้าลายนกยูงและลวดลายดอกรวงผึ้งอันอ่อนช้อย

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

วัดศิริมงคลไซยาราม

วัดศิริมงคลไซยาราม อยู่ถัดจากวัดศรีบุญเรือง รั้วของวัดอยู่ติดกัน

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

สิมที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานกันระหว่างศิลปะแบบหลวงพระบางและแบบเชียงขวาง ระเบียงโถงด้านหน้าเป็นศิลปะแบบหลวงพระบาง ทรวงทรงหลังคาเป็นแบบเชียงขวาง

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

วัดแสนสุขาราม

และวัดสุดท้ายของวันนี้ คือ วัดแสนสุขาราม

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

ตรงข้ามกับสิมมีวิหารที่สวยงาม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

จบทริปไหว้พระครึ่งวันบ่ายเป็นที่เรียบร้อย วัดในเขตตัวเมืองเก่า หลวงพระบาง ส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้กัน บางวัดรั้วติดกันเลยก็มี จึงสามารถปั่นจักรยานหรือเดินเที่ยวชมได้อย่างสบายๆ ช่วงบ่ายอาจจะร้อนหน่อย แต่พอตกเย็นบรรยากาศดีมากๆ

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

พวกเรากลับมาอาบน้ำแต่งตัว และทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรม ซึ่งอยู่ด้านหน้าของห้องพัก

ที่พัก หลวงพระบาง

ด้านหน้าของโรงแรมมีรถโบราณสีแดง ทรงคลาสสิกจอดอยู่ 1 คัน ใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องแวะถ่ายรูป

ที่พัก หลวงพระบาง

ห้องอาหารของโรงแรมแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง อยู่ตรงข้ามกัน ฝั่งล๊อบบี้จะเป็นแบบ Outdoor ใต้ต้นไม้

ที่พัก หลวงพระบาง

และฝั่งเดียวกับรถสีแดงจะเป็นแบบ Indoor ภายในตึกสไตล์โคโลเนียล​

ที่พัก หลวงพระบาง

มีอาหารพื้นเมืองให้เลือกหลากหลายเมนู บางอย่างก็พอคุ้นเคย บางอย่างรสชาติแปลกใหม่ดี อย่างหมี่ก้วยพัน (เมี่ยงขนมจีนกับมะเขือยาวบด) ไส้อั่วหมู หรือแกงหน่อใส่ยะนาง (ซุปหน่อไม้)

ที่พัก หลวงพระบาง

เมนูที่ตากลมชอบมากที่สุดก็คือ ไกแพนจึง สาหร่ายทอดคลุกงาจิ้มน้ำพริกเนื้อควาย

ที่พัก หลวงพระบาง

ส่วนเราชอบปิงซีนควาย สเต็กเนื้อควายนุ่มๆจิ้มด้วยน้ำซอสสูตรพิเศษ ทั้ง 2 อย่างนี้เป็นเมนูแนะนำที่ต้องมาลิ้มลองให้ได้

ที่พัก หลวงพระบาง

ปิดท้ายด้วยของหวานขึ้นชื่ออย่าง หมากกล้วยทอด กล้วยชุบแป้งทอด กรอบนอกนุ่มใน จิ้มกับซอสช็อกโกแลตและไอศกรีมวนิลา

ที่พัก หลวงพระบาง

ทานเสร็จก็ไปเดินเล่นถนนคนเดินกันอีกรอบ ไปกันทุกคืนเพราะอยู่ใกล้กับที่พัก

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

ชอปปิ้งเสร็จก็กลับมาพักผ่อน เพื่อเก็บแรงเอาไว้ลุยต่อในวันพรุ่งนี้

ที่พัก หลวงพระบาง

DAY 3

พวกเรามีแพลนจะไปเที่ยวน้ำตกตาดกวางสี และตาดแส้ ซึ่งอยู่นอกเมือง และกลับมาดูพระอาทิตย์ตกดินบนพระธาตุพูสี

ที่พัก หลวงพระบาง

เมื่อวานตอนเย็นจึงไปจองรถมอเตอร์ไซด์เอาไว้แล้ว ที่ร้าน Galaxy Airticketing อยู่ตรงข้ามกับวัดแสนสุขาราม ใกล้กับที่พัก ในราคาวันละ 120,000 กีบ (480 บาท) รวมน้ำมันเต็มถัง คิดเวลา 24 ชม. เช่าเวลาไหนคืนเวลานั้น พร้อมหมวกกันน๊อค 2 ใบ ใช้แค่ Passport ในการเช่า

ที่พัก หลวงพระบาง

ก่อนออกเดินทางขอเติมพลังกันด้วยอาหารเช้าของโรงแรม เมนูอาหารของ 3 Nagas มีหลายอย่างที่เหมือนกันกับที่ Sofitel ซึ่งอร่อยทุกอย่าง สั่งเลย!!!

ที่พัก หลวงพระบาง

ด้านซ้ายมือคือ แหนมข้าว (Nam Khao) และด้านขวาคือ ชุดออมเล็ตสไตล์ลาว (Jeun Khai)

ที่พัก หลวงพระบาง

เมื่อพร้อมแล้วก็ออกเดินทางไปยังจุดหมายแรก นั่นก็คือ น้ำตกตาดกวางสี อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 30 กิโล ใช้เวลาเดินทางด้วยมอเตอร์ไซด์ประมาณ 50 นาที

ที่พัก หลวงพระบาง

น้ำตกตาดกวางสี

ถนนสองเลน ขับง่าย ทางราบเรียบ 70% ขรุขระ 30% ทางโค้งและลาดชันมากๆแค่ 10% แนะนำให้ใส่เสื้อแขนยาว กางกางขายาว ถุงมือ (ถ้ามี) แว่นตากันแดด ผ้าปิดจมูกกันฝุ่นและแดด จากนั้นค่อยไปเปลี่ยนเป็นชุดสบายๆกางเกงขาสั้นที่ห้องน้ำข้างหลังจุดขายตั๋ว

น้ำตกตาดกวางสี

ที่นี่เปิดทุกวันตั้งแต่ 08.00 – 17.30 น. ค่าเข้าชม 20,000 กีบ/คน ตัวน้ำตกจะต้องเดินเท้าเข้าไปข้างในอีกประมาณ 300 เมตร ระหว่างทางจะผ่านศูนย์อนุรักษ์หมีควาย

ที่เที่ยว หลวงพระบาง
ที่เที่ยว หลวงพระบาง

หมีควายที่ถูกทำร้ายหรือกำพร้าหลากหลายวัย จะถูกนำมาดูแลก่อนปล่อยคืนสู่ป่า สามารถบริจาคเงินหรืออุดหนุนของที่ระลึก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลเจ้าหมีเหล่านี้ได้ด้วยนะ

ที่เที่ยว หลวงพระบาง
ที่เที่ยว หลวงพระบาง

เดินขึ้นไปเรื่อยๆ ใต้ร่มไม้ อากาศเย็นสบาย พื้นดินจะชื้นๆ จึงต้องระวังลื่น โดยเฉพาะคนหล่อ (หล่อลื่น ตึ่ง!)

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

น้ำตกมีทั้งหมด 4 ชั้น บางชั้นก็อนุญาตให้ลงไปเล่นน้ำได้ แต่บางชั้นก็ปิดเพื่อความปลอดภัย ทุกชั้นน้ำใสมาก ออกสีฟ้านิดๆเขียวหน่อยๆ

น้ำตกตาดกวางสี

ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ วิวของน้ำตกที่ความสูงประมาณ 70 เมตร ไหลลงมาเป็นช่อๆ อย่างสวยงาม

น้ำตกตาดกวางสี

มีสะพานทอดยาวผ่านหน้าน้ำตก ให้เดินเข้าไปสัมผัสกับละอองน้ำที่ฟุ้งกระจายขึ้นมาได้อย่างใกล้ชิด

ที่เที่ยว หลวงพระบาง
ที่เที่ยว หลวงพระบาง

สวยงามสมกับคำล่ำลือว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดใน หลวงพระบาง และสปป.ลาว

น้ำตกตาดกวางสี

มื้อเที่ยงพวกเราฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารบริเวณปากทางเข้าน้ำตก ตรงข้ามกับซุ้มขายตั๋ว เป็นเมนูง่ายๆ อย่างข้าวผัดและหมูสามชั้นทอด หมูสามชั้นอร่อยมาก

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

น้ำตกตาดแส้

จุดหมายต่อไปคือ น้ำตกตาดแส้ อยู่ห่างจากตาดกวางสีออกไปประมาณ 40 กิโล ต้องขับย้อนกลับเข้าไปในเมืองประมาณ 30 กิโล และขับออกไปทางทิศตะวันออกอีกประมาณ 10 กิโล ก็จะถึงท่าเรือน้ำคาน

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

เพื่อนั่งต่อเข้าไปยังน้ำตก เพราะไม่มีถนนเข้าไป ค่าเรือ 10,000 กีบ/คน ใช้เวลาประมาณ 15 นาที

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

ค่าเข้าน้ำตก 15,000 กีบ/คน สีของน้ำคล้ายๆกับที่ตาดกวางสี ด้านในเหมือนเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของคนลาวและนักท่องเที่ยว มีซุ้มของร้านอาหารตั้งอยู่ริมน้ำตก บรรยากาศต่างจากตาดกวางสีมาก

น้ำตกตาดแส้
น้ำตกตาดแส้

มีบริการขี่ช้างชมธรรมชาติ และเดินลงมาแช่ในน้ำตก

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

ไฮไลท์ที่พวกเราดั้นด้นมาสัมผัสก็คือ การนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ท่ามกลางน้ำตกที่ไหลผ่านอยู่ด้านล่าง

ที่เที่ยว หลวงพระบาง
น้ำตกตาดแส้

ร้าน Mai Coffee เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่บนน้ำตก ลักษณะเป็นเหมือนบ้านต้นไม้ที่มีระเบียงยืนออกมาเหนือน้ำ

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

มีเมนูขนมและเครื่องดื่มให้เลือกหลายชนิดทั้งร้อนและเย็น ราคาปานกลาง รสชาติถือว่าโอเค

ที่เที่ยว หลวงพระบาง
ที่เที่ยว หลวงพระบาง

อากาศเย็นสบาย มีเสียงน้ำไหลขับกล่อมตลอดเวลา จนเกือบเคลิมหลับไป

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

พระธาตุพูสี

นั่งเล่นอยู่จนถึงสี่โมงก็กลับออกมา แล้วขับกลับเข้าตัวเมือง เพื่อขึ้นไปรอดูพระอาทิตย์ตกดินบนพระธาตุพูสี

พระธาตุพูสี

พระธาตุพูสี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง อยู่บนยอดเขาที่มีความสูงประมาณ 150 เมตร เดินขึ้นไปได้เท่านั้น มีบันไดทั้งหมด 328 ขั้น บอกได้คำเดียวว่า โคตรเหนื่อย

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

แต่ก็คุ้มค่ากับวิวด้านบนแบบ 360 องศา สามารถมองเห็นเมืองหลวงพระบางได้ทั้งเมืองจากมุมสูง

พระธาตุพูสี
ที่เที่ยว หลวงพระบาง
พระธาตุพูสี
ที่เที่ยว หลวงพระบาง

เราขึ้นมาไม่ทันได้เห็นโฉมหน้าของพระอาทิตย์ก่อนที่จะลาลับขอบฟ้า แต่ก็ได้เห็นความสวยงามของแสงสุดท้ายที่พระอาทิตย์ทิ้งไว้ให้

พระธาตุพูสี
ที่เที่ยว หลวงพระบาง

The Belle River Terrace

กลับมานอนพักขาด้วยการแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ และแต่งตัวออกไปทานอาหารเย็น

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

มื้อนี้ตั้งใจจะมาดินเนอร์กันริมน้ำ จึงขับรถวนหาและเลือกร้านอยู่สักพัก ก็มาจบที่ร้าน The Belle River Terrace เป็นร้านอาหารที่มีระเบียงยืนออกไปจากฝั่ง บรรยากาศดีมากๆ

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

พวกเราสั่งเมนูง่ายๆมา 2 อย่าง เป็นไก่ผัดเม็ดมะม่วงและแกงเขียวหวานไก่ อาหารรสชาติอร่อย ราคาอาหารอยู่ที่ประมาณจานละ 20,000 – 60,000 กีบ แต่เมื่อเทียบกับบรรยากาศที่ได้รับก็ถือว่าไม่แพง

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

ทานเสร็จก็ออกไปเดินเล่นถนนคนเดินอีกเป็นรอบที่สาม รอบนี้เป็นรอบของการเลือกซื้อของฝาก จากนั้นก็ออกไปขับรถเล่นรอบเมือง หลวงพระบาง เพราะน้ำมันที่เติมมาเพิ่มอีก 1 ถังเหลืออยู่เยอะ และกลับมานอนพักผ่อน

ที่เที่ยว หลวงพระบาง

DAY 4

ตอนกลางคืนฝนตกหนักและตกมาจนถึงตอนเช้า พวกเราเลยไม่ได้ออกไปใส่บาตรตอนเช้าหน้าโรงแรม แต่พอฝนหยุดตกตอนสายๆ จึงออกไปเดินเล่นตลาดเช้า ผู้คนคึกคักมาก

ตลาดเช้า หลวงพระบาง

ได้เจอสาหร่ายไก สาหร่าย​น้ำจืด​ที่เอามาทำเมนู ไกแพนจึง ตัวเป็นๆ

ตลาดเช้า หลวงพระบาง

ได้เจอวัตถุดิบแปลกๆ หลายอย่าง ตื่นตาตื่นใจมาก

ตลาดเช้า หลวงพระบาง
ตลาดเช้า หลวงพระบาง
ตลาดเช้า หลวงพระบาง
ตลาดเช้า หลวงพระบาง

บรรยากาศหลังฝนตก สดชื่นมากๆ อากาศอัดแน่นไปด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์

ตลาดเช้า หลวงพระบาง
ตลาดเช้า หลวงพระบาง

กลับมานอนต่ออีก 1 ตื่น แล้วออกมากินข้าวเช้าที่โรงแรมเกือบ 10 โมง

ที่พัก หลวงพระบาง

ตากลมยังคงติดใจกับแหนมข้าว ส่วนเราขอลองเมนู Congee ข้าวต้มทรงเครื่องทานคู่กับหมูหยองฝอย

ที่พัก หลวงพระบาง

ปิดท้ายด้วยของหวานอีกสองสามอย่าง

ที่พัก หลวงพระบาง

Joma Bakery Cafe

ช่วงบ่ายหลังจากเช็คเอาออกจากที่พัก พวกเราฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม แล้วปั่นจักรยานมานั่งชิลกันที่ร้าน Joma Bakery Cafe คาเฟ่สุดคลาสสิกชื่อดังของเมืองหลวงพระบาง

คาเฟ่ หลวงพระบาง

มีอาหาร เบเกอรี่ และเครื่องดื่มหลายอย่างให้ได้ลิ้มลอง

คาเฟ่ หลวงพระบาง
คาเฟ่ หลวงพระบาง
คาเฟ่ หลวงพระบาง

บลูเบอรี่ชีสเค้กอร่อยมากๆ ส่วนกาแฟก็รสชาติเข้มข้น

คาเฟ่ หลวงพระบาง
คาเฟ่ หลวงพระบาง
คาเฟ่ หลวงพระบาง

ก่อนเดินทางไปสนามบิน พวกเราแวะไปซื้อส้มตำหลวงพระบาง ร้านป้าติ๋ม ใส่ถุงไปกินที่สนามบินเป็นมื้อเย็น เพราะอดใจไม่ไหวจริงๆ จากนั้นรถของโรงแรมคันเดิมก็พามาส่งที่สนามบิน

ส้มตำหลวงพระบาง

ขากลับเครื่องออกเวลา 16.45 น. เที่ยวบินที่ FD 1031 ถึงดอนเมืองประมาณ 18.00 น. เป็นอันจบทริปพาแฟนไปเยือนถิ่นมรดกโลก สัมผัสมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติและวัฒนธรรม ณ หลวงพระบาง 4 วัน 3 คืน ได้อย่างสมบูรณ์และประทับใจ

สนามบินหลวงพระบาง

สรุปรายละเอียดการเดินทาง ดังนี้

DAY 1

  1. ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ด้วยสายการบิน AirAsia มีวันละ 2 เที่ยวบิน ดังนี้
    • เที่ยวไปเวลา 13.55 / 14.30 น. (ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 25 นาที)
    • เที่ยวกลับเวลา 15.50 / 16.45 น. (ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที)
  2. เช็คอินเข้าที่พัก Sofitel Luang Prabang (1 คืน)
  3. เดินเล่นถนนคนเดิน (ตลาดมืด)

DAY 2

  1. ย้ายมาพักที่ 3 Nagas (Mgallery by Sofitel) (2 คืน)
  2. มื้อกลางวัน ส้มตำหลวงพระบาง ร้านป้าติ๋ม
  3. พระราชวังหลวงพระบาง (หอพิพิธภัณฑ์)
    • เปิดให้เข้าชม 2 ช่วงเวลาคือ เช้า 8.00 น. – 11.30 น. และบ่าย 13.30 น. – 16.00 น.
    • ปิดขายบัตรเข้าชมแต่ละช่วงก่อนเวลาปิด 30 นาที
  4. วัดใหม่สุวรรณภูมาราม (เปิดเวลา 07.00 – 18.00 น.)
  5. วัดเชียงทอง (เปิดเวลา 06.00 – 17.30 น.)
  6. วัดสุวรรณคีรี / วัดศรีบุญเรือง / วัดศิริมงคลไซยาราม / วัดแสนสุขาราม
  7. มื้อเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรม 3 Nagas
  8. เดินเล่นถนนคนเดิน (ตลาดมืด)

DAY 3

  1. น้ำตกตาดกวางสี (เปิดทุกวันตั้งแต่ 08.00 – 17.30 น.)
  2. น้ำตกตาดแส้ (เปิดทุกวันตั้งแต่ 08.00 – 17.30 น.)
  3. ร้าน Mai Coffee คาเฟ่ท่ามกลางน้ำตก
  4. ชมวิวพระอาทิตย์ตกดินบนพระธาตุพูสี (เปิดเวลา 06.00 – 18.00 น.)
  5. ดินเนอร์ริมน้ำที่ร้าน The Belle River Terrace
  6. เดินเล่นถนนคนเดิน และขับรถเล่นรอบเมือง

DAY 4

  1. ตักบาตรข้าวเหนียว (แนะนำเพิ่มเติม)
  2. เดินเล่นตลาดเช้า
  3. นั่งชิลที่ร้าน Joma Bakery Cafe
  4. แวะซื้อส้มตำหลวงพระบาง ร้านป้าติ๋ม
  5. เดินทางกลับกรุงเทพฯ

ช่วงเวลาเดินทาง : 13 – 16 ตุลาคม 2560


สรุปรายละเอียดค่าใช้จ่าย ดังนี้

  1. การแลกเงิน
    • แนะนำให้แลกที่สนามบินจะได้เรทดีที่สุด 253.70กีบ/ 1 บาท
    • วิธีแปลงเงินกีบเป็นเงินบาทอย่างง่ายๆ คือ 5,000 กีบ = 20 บาท
  2. ซิมมือถือ
    • เราเลือกยี่ห้อ Unitel มีให้เลือกหลาย Package ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ไป พวกเราไป 4 วัน จึงเลือกแบบ 4 วัน
    • เน็ต 4 GB ราคา 200 บาท เป็นอินเตอร์เน็ตความเร็ว 4G สัญญาณและความเร็วโอเคมาก
    • ส่วนใหญ่โรงแรมมีไวไฟฟรีให้ใช้อยู่แล้ว
  3. ค่าที่พัก (ขึ้นอยู่กับฤดูกาล)
  4. ค่าเดินทาง
    • ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : 3,800 บาท/คน โดยจองผ่าน Traveloka (เว็บเอเจนซี่จองที่พักและตั๋วเครื่องบิน) Website : ​ Traveloka.com
    • ค่ารถรับส่งสนามบินของโรงแรม Sofitel (Round trip) : 25USD (850 บาท)
    • ค่ารถมอเตอร์ไซด์ร้าน Galaxy Airticketing ราคาวันละ 120,000 กีบ (480 บาท) รวมน้ำมันเต็มถัง คิดเวลา 24 ชม. เช่าเวลาไหนคืนเวลานั้น พร้อมหมวกกันน๊อค 2 ใบ ใช้แค่ Passport ในการเช่า
    • ค่านำ้มัน 10,000 กีบ/ลิตร มีแบบเดียว
  5. ค่าเข้าชมสถานที่
    • พระราชวังหลวงพระบาง (หอพิพิธภัณฑ์) : 30,000 กีบ/คน (120 บาท)
    • วัดใหม่สุวรรณภูมาราม : 10,000 กีบ/คน (40 บาท)
    • วัดเชียงทอง : 20,000 กีบ/คน (80 บาท)
    • น้ำตกตาดกวางสี : 20,000 กีบ/คน (80 บาท)
    • น้ำตกตาดแส้ : ค่าเรือเที่ยวละ 10,000 กีบ/คน (40 บาท) ค่าเข้า 15,000 กีบ/คน (60 บาท)
    • พระธาตุพูสี : 20,000 กีบ/คน (80 บาท)
  6. ค่าอาหารและอื่นๆ : ตามอัธยาศัย

รวมค่าใช้จ่าย 4 วัน 3 คืน ทั้งหมด 20,630 บาท ตกคนละ 10,315 บาท


คิ้วหนา & ตากลม
Love is a journey | เพราะความรัก คือ การเดินทาง…