ถ้าพูดถึงประเทศ มาเลเซีย สิ่งแรกที่มักจะนึกถึงก็คือ ตึกแฝด (Petronas Twin Towers) แลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดใจกลางเมืองกัวลาลัมเปอร์ ที่ทุกคนต้องไปถ่ายรูปด้วยเมื่อมีโอกาสได้มาเยี่ยมชม แต่ครั้งนี้พวกเราจะพาไปเปิดหูเปิดตากับแลนด์มาร์คอื่นๆของมาเลเซียที่ไม่ใช่ตึกแฝดกันดูบ้าง กับ 3 จุดเช็คอิน สุดฟิน (in) มาเลเซีย เดินทางง่าย ไม่เหนื่อย ไม่เพลีย ตามมาๆ
1. Genting Highlands
Genting Highlands ดินแดนในสายหมอกบนยอดเขา บนความสูง 1,800 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ทำให้ที่นี่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี พร้อมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม คาสิโน ชอปปิ้งมอลล์ สวนสนุก และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ จึงกลายเป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมของชาวมาเลเซียและนักท่องเที่ยวทั่วไป
การเดินทางขึ้นมาด้านบนสามารถเลือกได้ 2 วิธี คือ รถยนต์ส่วนตัว หรือนั่งกระเช้า สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราที่นั่งรถบัสมาจากเมืองกัวลาลัมเปอร์ การนั่งกระเช้าจะสะดวกที่สุด เพราะรถบัสจะมาจอดที่จุดขึ้นกระเช้าพอดี
กระเช้ามีให้เลือกสองแบบ คือ แบบธรรมดา (Standard Gondola) กับแบบพื้นใส (Glass-Floor Gondola) แนะนำให้ซื้อตั๋วแบบพื้นใส เพราะคนต่อคิวน้อยกว่า แต่ราคาจะแพงกว่า
ระหว่างทางของการนั่งกระเช้าจะมีจุดให้แวะเที่ยว 1 จุด คือ วัดถ้ำชินสวี (Chin Swee Caves Temple) เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบจีนตามความเชื่อของลัทธิเต๋า มีจุดเด่นคือรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ และเจดีย์สูง 9 ชั้นบอกเล่าเรื่องราวจากนรกสู่สวรรค์
ด้านบนมีโรงแรม คาสิโน ชอปปิ้งมอลล์ และสวนสนุก คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว ควรมีเวลาอย่างน้อยครึ่งวันสำหรับที่นี่ เพราะมีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก
ก่อนกลับสามารถแวะ Premium Outlets ซึ่งอยู่บริเวณด้านล่างข้างจุดขึ้นกระเช้าและท่ารถบัสกลับตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์ได้อีกด้วย มีของเซลเยอะมาก โดยเฉพาะ Onitsuka Tiger
Genting Highlands เปิดให้บริการทุกวัน กิจกรรมด้านในส่วนใหญ่จะปิดเที่ยงคืน ยกเว้นคาสิโนจะเปิด 24 ชั่วโมง กระเช้าเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 – 23.58 น. เช็คราคาค่าตั๋วกระเช้าล่าสุดได้ที่ Awana SkyWay
การเดินทาง : สามารถขึ้นรถบัสได้ที่ ชั้นล่างของ KL Sentral
2. ถ้ำบาตู (Batu Caves)
ถ้ำบาตู (Batu Caves) เป็นหนึ่งในศาสนสถานที่สำคัญของชาวฮินดูในประเทศมาเลเซีย โดยสร้างเอาไว้ภายในถ้ำของภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ มีรูปปั้นของเทพเจ้าตามความเชื่อของศาสนาฮินดูให้ได้เข้าไปสักการะหลายพระองค์
องค์ที่โดดเด่นที่สุดคือรูปปั้นของ พระขันทกุมาร หรือ พระมุรุค เทพเจ้าแห่งการชาญณรงค์สงคราม พระโอรสของพระศิวะ ที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าบริเวณทางขึ้นบันได
บันไดทางขึ้นไปบนถ้ำสูงถึง 272 ขั้น พวกเราจึงไม่ได้ขึ้นไป เพราะกลัวเข่าเสื่อม 555 เลยเปลี่ยนมาเดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆ และหาอาหารอินเดียกินแทน
การเดินทางมายังถ้ำบาตูที่สะดวกที่สุดคือ การเรียก Grap ผ่านแอพพลิเคชั่น อันเดียวกับที่ใช้ในประเทศไทย ราคาไม่แพง และไม่ต้องกลัวถูกโก่งราคาจาก Taxi ทั่วไป
3. มัสยิดปูตรา (Putra Mosque)
มัสยิดปูตรา (Putra Mosque) หรือ มัสยิดสีชมพู เป็นมัสยิดที่สำคัญในเมืองปูตราจายา (Putrajaya) เมืองราชการของมาเลเซีย ตั้งอยู่ข้างกับเปอร์ดานาปูตรา ซึ่งเป็นทำเนียบรัฐบาล
บริเวณด้านหน้าของมัสยิดมีจตุรัสที่ประดับด้วยธงแต่ละรัฐของมาเลเซีย และป้ายชื่อเมืองปูตราจายาที่ออกแบบเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษขนาดใหญ่มีสีสันสวยงาม
บริเวณด้านข้างของมัสยิด คือ ทะเลสาบปูตราจายา ทะเลสาบที่สร้างโดยมนุษย์
ความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของมัสยิดแห่งนี้ก็คือ โดมมัสยิดสีชมพู ที่ดูอ่อนหวานและทรงพลังในเวลาเดียวกัน
สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป โดยเฉพาะผู้หญิงจะต้องสวมชุดคลุมที่เจ้าหน้าที่มัสยิดจัดเตรียมไว้ให้เพื่อความสุภาพเรียบร้อย ส่วนผู้ชายหากไม่ได้สวมกางเกงที่สั้นจนเกินไปก็ไม่ต้องคลุม
ด้านในเป็นห้องโถ่งขนาดใหญ่ เพื่อใช้ในพิธีละหมาดของพี่น้องชาวมุสลิม สวยงามและอลังการมาก
มัสยิดเปิดทุกวัน โดยไม่เสียค่าเข้าชม แต่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าเยี่ยมชมเป็นเวลา นอกช่วงเวลาที่มีพิธีละหมด ดังนี้ ศุกร์ (2 รอบ) 15.00-16.00 น. และ 17.30-18.00 น. / เสาร์ – พฤหัส (3 รอบ) 09.00-12.30 น. / 14.00-16.00 น. / 17.30-18.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าสาย KLIA transit จาก KL Sentral มาลงที่สถานี Putrajaya & Cyberjaya (เช็คตารางการเดินรถได้ที่ kliaekspres.com) จากนั้นขึ้นรถบัสที่ช่อง L15 หรือ เรียกรถผ่าน Grap มายังมัสยิดก็ได้เช่นกัน
และทั้งหมดนี้ก็คือ 3 จุดเช็คอิน สุดฟิน (in) มาเลเซีย แลนด์มาร์คอื่นๆของมาเลเซียที่ไม่ใช่แค่ตึกแฝด แลนด์มาร์คที่จะช่วยทำให้เรามีรูปภาพและความทรงจำในมุมมองใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น
